Honda Civic 1.8 หรือ 1.5 เทอร์โบ ใครคุ้มค่ากว่ากัน

หากบอกว่าหนึ่งในรถบนท้องถนนที่เราเห็นกันเยอะมากที่สุดคงหนีไม่พ้น Honda Civic ซึ่งเมื่อเทียบรุ่นกันในเวลานี้แล้วต้องบอกว่าหลักๆ ที่หลายคนกำลังตั้งคำถามคือหากเขาต้องการซื้อ Honda Civic จริง ควรเลือกซื้อแบบ 1.8 หรือ 1.5 เทอร์โบดี เพราะไม่ใช่แค่เรื่องความแรงอย่างเดียวแต่เป็นเรื่องอื่นๆ ด้วย เอาเป็นว่าเราจะขอเปรียบเทียบภาพให้เห็นแล้วลองตัดสินใจกันดูว่าอยากได้รุ่นไหนกันแน่
Honda Civic 1.8 หรือ 1.5 เทอร์โบ รุ่นไหนให้ความคุ้มค่ากว่ากัน
ภายนอก Honda Civic 1.8 หากไม่ใช่ตัว RS ก็อาจดูว่าเป็นรถกึ่งสปอร์ตธรรมดาแต่ถ้าเลือกซื้อ RS จะทำให้มองภาพของรถสปอร์ตได้ชัดเจนมากขึ้น ไฟหน้าโปรเจคเตอร์ยกเว้นตัว RS ที่หรูกว่าด้วย LED ทุกรุ่นมี Daytime Running Light กระจังหน้าทำจากโครมเมทัลลิค ล้ออัลลอยด์ 16 นิ้ว กว้าง 7 นิ้ว ส่วน Honda Civic 1.5 เทอร์โบ จะดูสปอร์ตมากกว่า มือจับโครเมี่ยม ท่อไอเสียแบบคู่ ล้ออัลลอยด์ 17 นิ้ว นอกนั้นภายนอกก็ยังคงเหมือนกันไม่ได้ต่างอะไรมาก
ว่ากันต่อเรื่องห้องโดยสาร ตัว 1.8 มีเบาะ 2 สีให้เลือก โทนสีภายในเป็นโทนสีเบจ อ็อปชั่นต่าง ๆ จัดเต็มสุดฤทธิ์ทังกุญแจสมาร์ทคีย์ ปุ่มสตาร์ท กระจกข้างคู่หน้าปรับขึ้นลงอัตโนมัติ พวงมาลัยปรับ 4 ทิศ หากตัวเริ่มต้นเป็นเบาะผ้า มีระบบให้ความบันเทิงขั้นพื้นฐานผ่านหน้าจอ 5 นิ้ว ลำโพง 4 ตัว ขาดแค่ระบบ Cruise Control อย่างเดียว แต่ถ้าขยับเงินให้สูงขึ้นก็จะดูดีขึ้น ทั้งพวงมาลัยหุ้มหนัง เบาะหนังแท้ผสมหนังสังเคราะห์ หน้าจอ 7 นิ้ว ใช้ระบบเครื่องเสียงแบบ swipe ลำโพง 8 จุด มีระบบ Cruise Control ส่วนตัวเครื่องให้กำลัง 141 แรงม้า รอบสูงสุด 6,500 รอบต่อนาที แรงบิดสูงสุด 174 นิวตันเมตร ทำได้สูงสุด 5,500 รอบต่อนาที ระบบเกียร์ CVT

คราวนี้มาพูดถึงตัว 1.5 เทอร์โบ เรื่องการตกแต่งต่าง ๆ แทบไม่เปลี่ยนไปจาก 1.8 เท่าใดนักคือส่วนใหญ่ต้องเข้าใจว่าหากรุ่นเดียวกันแต่ขยับราคาขึ้นไปมันก็เหมือนกันหมดสำหรับ Honda Civic เรามาว่ากันที่เครื่องยนต์ดีกว่า เป็นเครื่องยนต์ 4 สูบ เรียงแถว 1.5 ลิตรเทอร์โบชาร์จ มีระบบวาล์วแปรผันในตัว กำลังสูงสุด 173 แรงม้า รอบสูงสุด 5,500 รอบต่อนาที แรงบิดสูงสุด 220 นิวตันเมตร ตั้งแต่ 1,700 – 5,500 รอบต่อนาที ใช้ระบบเกียร์ CVT
ขณะเดียวกันระบบความปลอดภัยและส่วนอื่น ๆ ของ 2 รุ่นนี้แทบไม่ต่างกันมากนัก สุดท้ายก็อย่างที่กล่าวไปตอนต้นว่าจะเลือกแบบไหนขึ้นอยู่กับการพิจารณาอย่างละเอียดและความชื่นชอบของตัวบุคคลมากกว่า แต่ละคนย่อมชอบอะไรที่มันต่างกันเป็นเรื่องปกติอยู่แล้ว ดังนั้นการซื้อรถยนต์เองก็เช่นเดียวกัน